Blog

เวอร์มิคูไลท์คืออะไร มีคุณสมบัติ และประโยชน์อย่างไร ?

ในการปลูกพืชนั้น การใช้แค่ดินอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะต้นไม้แต่ละชนิดต้องการดินที่มีลักษณะแตกต่างกันไป ซึ่งหนึ่งในวัสดุปลุกที่สามารถใช้เพื่อช่วยปรับสภาพดินให้เหมาะสมได้ก็คือ เวอร์มิคูไลท์ บทความนี้จะพามารู้จักกับเวอร์มิคูไลท์ให้มากขึ้น ใครที่เป็นมือใหม่หัดปลูกไม่ควรพลาด !

เวอร์มิคูไลท์คืออะไร ?

เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite) คือ แร่ธาตุธรรมชาติ มีลักษณะเป็นเกล็ดสีเทา หรือสีน้ำตาลอ่อน มีโครงสร้างเป็นชั้น ๆ และเป็นรูพรุน ประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แมกนีเซียม อะลูมิเนียม และซิลิเกต สำหรับวัสดุปลูกอย่างเวอร์มิคูไลท์นั้น เกิดจากการแปรสภาพของแร่ไมกา เมื่อถูกความร้อนสูงประมาณ 800-1000°C จะขยายตัวเป็น 15-20 เท่าของขนาดเดิม ทำให้มีลักษณะพิเศษที่เป็นประโยชน์ต่อการเกษตร

เวอร์มิคูไลท์มีคุณสมบัติพิเศษอย่างไร ?

  • น้ำหนักเบา เวอร์มิคูไลท์มีน้ำหนักเบามาก ทำให้สะดวกในการขนส่งและการใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้ในปริมาณมาก หรือการปลูกในกระถางแบบแขวน
  • เก็บความชื้นและอากาศได้ดี ด้วยโครงสร้างที่เป็นรูพรุน ทำให้เวอร์มิคูไลท์สามารถอุ้มน้ำได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีช่องว่างสำหรับการระบายอากาศ จึงช่วยให้รากพืชได้รับทั้งน้ำและอากาศในปริมาณที่เหมาะสม
  • ระบายน้ำได้ดี แม้จะเก็บความชื้นได้ดี แต่เวอร์มิคูไลท์ก็ยังสามารถระบายน้ำส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยป้องกันปัญหาน้ำขังที่อาจนำไปสู่ปัญหารากพืชเน่าได้
  • ปราศจากเชื้อโรค เนื่องจากเวอร์มิคูไลท์ ต้องผ่านกระบวนการให้ความร้อนสูงในการผลิต จึงทำให้เวอร์มิคูไลท์สะอาด ปราศจากเชื้อโรคและวัชพืช และปลอดภัยสำหรับพืชที่ปลูกทุกชนิด
  • เป็นวัสดุปลูกที่ยั่งยืน เวอร์มิคูไลท์เป็นวัสดุที่ไม่ย่อยสลาย สามารถใช้งานได้นานโดยไม่เสื่อมสภาพ ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับการเกษตร

การใช้เวอร์มิคูไลท์

1.ใช้ผสมกับดินปลูก

การใช้เวอร์มิคูไลท์ร่วมกับดินปลูก สามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้

  • การผสมเวอร์มิคูไลท์กับดินปลูกทั่วไป ในอัตราส่วน 1:3 หรือ 1:4 (เวอร์มิคูไลท์ : ดินปลูก) จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้โปร่ง ร่วนซุย และระบายน้ำได้ดีขึ้น
  • การใช้เวอร์มิคูไลท์คลุมดินปลูก การโรยเวอร์มิคูไลท์คลุมหน้าดินเป็นชั้นบาง ๆ จะช่วยเก็บความชื้นบนผิวดิน ลดการระเหยของน้ำ และป้องกันวัชพืชได้

2.ใช้ปลูกพืชไร้ดิน (Hydroponics)

นอกจากการผสมกับดินปลูกแล้ว เวอร์มิคูไลท์ยังสามารถใช้ปลูกพืชไร้ดินได้ด้วย โดยให้ใส่เวอร์มิคูไลท์ลงในภาชนะปลูก รดน้ำเวอร์มิคูไลท์ให้ชุ่ม จากนั้นเพาะเมล็ดหรือวางต้นกล้าลงบนเวอร์มิคูไลท์ จากนั้นรดน้ำและใส่ปุ๋ยตามความเหมาะสม โดยวิธีนี้เหมาะสำหรับการปลูกพืชในระบบไฮโดรโพนิกส์ หรือการปลูกพืชในพื้นที่จำกัด เช่น บนระเบียงคอนโดมิเนียม

เวอร์มิคูไลท์มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินได้

ประโยชน์ของการใช้เวอร์มิคูไลท์

  • ป้องกันปัญหารากเน่า เนื่องจากเวอร์มิคูไลท์มีคุณสมบัติในการระบายน้ำที่ดี เวอร์มิคูไลท์จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดน้ำขัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรครากเน่าในพืชได้
  • ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี การผสมเวอร์มิคูไลท์ในดินปลูก จะช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของราก ทำให้พืชแข็งแรงและเติบโตได้ดี
  • เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับสารอาหาร เวอร์มิคูไลท์มีความสามารถในการแลกเปลี่ยนประจุบวกสูง ช่วยให้พืชสามารถดูดซับธาตุอาหารได้ดียิ่งขึ้น
  • เหมาะสำหรับการปลูกพืชหลากหลายชนิด เวอร์มิคูไลท์มีคุณสมบัติที่หลากหลาย ทั้งเก็บความชื้น และระบายน้ำได้ดี เวอร์มิคูไลท์จึงสามารถใช้ได้กับพืชหลายประเภท ตั้งแต่พืชที่ชอบดินแห้งไปจนถึงพืชที่ต้องการความชื้นสูง
  • ช่วยประหยัดน้ำและปุ๋ย การใช้เวอร์มิคูไลท์ช่วยให้ดินเก็บน้ำและธาตุอาหารได้ดีขึ้น ทำให้ประหยัดน้ำและปุ๋ยในระยะยาว

ดินผสมเวอร์มิคูไลท์ เหมาะกับพืชที่ต้องการดินแบบไหน ?

  1. พืชที่ต้องการดินที่ระบายน้ำได้ดี ต้องการดินแห้ง ไม่ชอบน้ำขัง เช่น แคกตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำต่าง ๆ
  2. พืชที่ต้องการดินที่เก็บความชื้นได้ดี ต้องการความชื้นในระดับปานกลางถึงสูง เช่น เฟิร์น เดหลี มอนสเตอร่า
  3. พืชที่ต้องการดินที่มีโครงสร้างโปร่งร่วน ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และรากพืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี เหมาะกับพืชทั่ว ๆ ไป

ดินผสมเวอร์มิคูไลท์ เหมาะกับพืชหลายชนิดที่ต้องการดินที่มีคุณสมบัติระบายน้ำและเก็บความชื้นได้ดี รวมถึงมีโครงสร้างของดินที่โปร่งร่วน ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาเวอร์มิคูไลท์คุณภาพดี สามารถเลือกดูสินค้าและสั่งซื้อได้ที่ร้านขายวัสดุปลูกออนไลน์บนเว็บไซต์ชัยโยฟาร์ม หรือจะแวะมาที่หน้าร้านก็ได้เช่นกัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อีเมล info@chaiyofarm.co.th และเบอร์โทรศัพท์ 02 015 0909

หมวดหมู่